
ลูกชายโผล่ กราบเท้าแม่ ขอโทษแอบฉกเงิน 1.2 ล้าน ให้วีเจ.สาว กลางโรงพักเสนา อยุธยายอมรับกดเงินจากเอทีเอ็ม พาวีเจ.สาวที่คบหากันด้วยความเต็มใจไปเที่ยวพัทยา อีกส่วนใช้ช่วยดาวน์รถยนต์คันใหม่ให้ ส่วนผู้เป็นแม่ยอมถอนแจ้งความ แต่สั่งตัดสัมพันธ์ห้ามยุ่งเกี่ยวกับวีเจ.สาวเด็ดขาด แล้วยังให้ลบรูปในมือถือทิ้งทั้งหมด ขณะที่ร้อยเวรเจ้าของคดีเผย หลังแม่-ลูกได้คุยกันแล้ว ฝ่ายแม่ไม่ติดใจเอาความลูก ระบุแค่ได้ลูกชายกลับบ้านก็ดีใจแล้ว จึงลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐานเท่านั้น
จากกรณีนางสิริการย์ ศิริสิทธิ์ดำรงกิจ อายุ 53 ปี เจ้าของร้านขายของชำ เลขที่ 21/16 หมู่ 4 ต.บางนมโค อ.เสนา จ.พระนครศรีอยุธยา เข้าแจ้งความกับร.ต.อ.ประชิด สมาฤกษ์ รองสารวัตร (สอบสวน) สภ.เสนา จ.พระนครศรี อยุธยา เมื่อวันที่ 18 ก.ค.ที่ผ่านมา เพื่อเอาผิดนายระพีพัฒน์ ศิริสิทธิ์ดำรงกิจ อายุ 28 ปี ลูกชายแท้ๆ หลังพบว่าแอบกดเงินในบัญชีของตนเองไปให้วีเจ.สาวหน้าตาดี ผิวขาว สวย อายุประมาณ 20 ปี เกือบ 1.2 ล้านบาท ก่อนหายตัวไปทั้งคู่ ตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ความคืบหน้าเรื่องนี้ เมื่อวันที่ 19 ก.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 23.00 น. วันที่ 18 ก.ค. นายระพีพัฒน์ ศิริสิทธิ์ดำรงกิจ อายุ 28 ปี เดินทางเข้าพบร.ต.อ.ประชิด สมาฤกษ์ รองสารวัตร (สอบสวน) สภ.เสนา จ.พระ นครศรีอยุธยา เพื่อรับทราบข้อหาที่ถูกนางสิริการย์ ศิริสิทธิ์ดำรงกิจ อายุ 53 ปี แม่แท้ๆ แจ้งความให้ดำเนินคดี แอบขโมยกดเงินในบัญชีธนาคารไปเกือบ 1.2 ล้านบาท
จากนั้น ร.ต.อ.ประชิดได้ติดต่อไปยังนางสิริการย์ให้เดินทางมาพบเพื่อพูดคุยกับลูกชายที่ สภ.เสนา โดยทันทีที่นางสิริการย์เห็นหน้าลูกชายได้มีรอยยิ้มด้วยอาการดีใจ ส่วนนาย ระพีพัฒน์ได้ก้มลงกราบเท้าแม่พร้อมกล่าวขอโทษที่แอบกดเงินแล้วหายออกจากบ้านไป
โดยนายระพีพัฒน์กล่าวว่า ยอมรับว่าตนได้กดเงินจากเอทีเอ็มของแม่ไปจริง โดยนำเงินที่ได้เดินทางไปเที่ยวพัทยากับวีเจ.สาวที่คบหากันด้วยความเต็มใจ นอกจากนั้นยังนำเงินไปใช้ดาวน์รถยนต์คันใหม่ให้กับวีเจ.สาวด้วย ซึ่ง วีเจ.สาวนั้นมีรถอยู่แล้วแต่อยากจะเปลี่ยนรถใหม่ ตนจึงช่วยออกเงินค่าดาวน์ให้ส่วนหนึ่ง
ขณะที่นางสิริการย์กล่าวว่า ขณะนี้ไม่ต้องการเอาเรื่องอะไรกับลูกชายแล้ว แค่อยากให้ลูกชายกลับบ้าน แต่ได้คาดโทษเอาไว้เวลา 7 วัน พร้อมขอร้องให้ลูกชายลบรูปวีเจ.สาวที่มีอยู่ในโทรศัพท์ทั้งหมดทิ้งไป และไม่ให้ไปยุ่งเกี่ยวกับวีเจ.สาวอีกต่อไป
ด้านร.ต.อ.ประชิดเปิดเผยว่า เมื่อนายระพีพัฒน์เดินทางเข้ารับทราบข้อหา ตำรวจจึงแจ้งข้อหาให้ทราบตามกฎหมายเพื่อดำเนินคดี แต่หลังจากนางสิริการย์ได้พูดคุยกับลูกชายตัวเองแล้ว ไม่ติดใจเอาความและได้ขอถอนแจ้งความกับนายระพีพัฒน์ พร้อมกล่าวว่าแค่ได้ลูกชายกลับบ้านก็ดีใจแล้ว ดังนั้นตำรวจจึงลงบันทึกประจำวันเอาไว้เพื่อเป็นข้อมูลต่อไป
วันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวได้โทรศัพท์พูดคุยกับวีเจ.สาวรายดังกล่าว โดยวีเจ.สาวระบุว่า ได้รับผลกระทบอย่างมากจากข่าวที่ปรากฏออกไป ตนเพิ่งรู้จักกับนายระพีพัฒน์ปีนี้และยังไม่ได้คบหาเป็นแฟนกัน อยู่ในช่วงระหว่างการศึกษาดูใจเท่านั้น โดยนายระพีพัฒน์เล่นแอพพลิเคชั่นไอโชว์นานแล้ว ก่อนที่ตนจะเข้ามาทำงานที่นี่อีก ที่ผ่านมาทราบว่าได้พูดคุยและส่งไอคอนของขวัญให้กับวีเจ.สาวคนอื่นๆ ก่อนหน้าตนหลายคน บางคนทราบว่านาย ระพีพัฒน์ส่งไอคอนของขวัญให้หมดค่าใช้จ่ายเป็นหลักแสน
วีเจ.สาวกล่าวต่อว่า ส่วนข่าวที่ว่านายระพีพัฒน์ขโมยเงินจากบัญชีของแม่ 1.2 ล้านบาทนั้น ตนไม่ทราบว่าเขานำไปใช้ตรงส่วนไหนอย่างไรบ้าง เพราะตนเป็นเพียงวีเจ.คนหนึ่งในจำนวนหลายๆ คน ที่นายระพีพัฒน์ติดต่อพูดคุยผ่านแอพฯดังกล่าว ส่วนยอดค่าใช้จ่ายที่นายระพีพัฒน์ส่งไอคอนมอบเป็นของขวัญให้กับตนนั้น ไม่ทราบว่ามีจำนวนเท่าไหร่ เพราะต้องตรวจสอบกับบริษัท นอกจากนายระพีพัฒน์แล้วก็มียูสเซอร์ (ผู้เล่น) คนอื่นๆ ที่ส่งไอคอนของขวัญให้กับตนหลายคน ซึ่งเป็นไปตามปกติของลูกค้าผู้เข้ามาใช้บริการ
"ส่วนเงินที่นายระพีพัฒน์ให้หนูเป็นการส่วนตัวนั้นเป็นจำนวนน้อยมาก ไม่ได้ให้มากมายอย่างที่เป็นข่าว เรื่องรถยนต์ป้ายแดงที่หนูเพิ่งซื้อมาใหม่ก็เป็นเงินของตัวเองกับพี่สาว ไม่มีเงินของนายระพีพัฒน์แม้แต่บาทเดียว ที่ผ่านมาเขาก็บอกว่าเป็นคนทำงานหาเลี้ยงครอบครัว หนูไม่ทราบมาก่อนว่าเงินที่นำมาใช้จ่ายเป็นเงินของคุณแม่เขา รวมทั้งเรื่องที่มีข่าวว่าตนให้ทนายความโทร.ไปขู่จะฟ้องร้องแม่ของนายระพีพัฒน์ที่ทำให้ตนเสียหาย ขอยืนยันว่าไม่เป็นความจริง ตั้งแต่เกิดเหตุตนเป็นฝ่ายอยู่เฉยๆ มาตลอด มีเพียงแจ้งไปยังบางสื่อเพื่อขอให้ลบภาพตนเองในข่าวออกเท่านั้น ขณะนี้ตนยังไม่พร้อมชี้แจงเรื่องราวทั้งหมด แต่จะขอออกมาชี้แจงทุกสิ่งทุกอย่างในเร็วๆ นี้" วีเจ.สาวกล่าว
Source: http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=1468981708
0 comments:
Post a Comment